ข่าว


วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

"เสรีภาพศาสนาในสังคมยุโรป" ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

เสรีภาพศาสนาในสังคมยุโรป ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
     จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องมุสลิมะห์ในต่างแดนนั้น ในหลายประเทศแถบยุโรป เมื่อเราย้อมมาดูที่เมืองไทยก็ "อัลฮัมดุลิ้ลลาห์" อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเมตตาเราเหลือเกินที่ให้เกิดในแผ่นดินที่ไม่ได้กีดกันข้อปฏิบัติของอิสลาม ส่วนใหญ่มุสลิมะห์ไทยนิยมใช้ผ้าคลุมผมซึ่งถึอว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีหญิงมุสลิมไทยบางส่วนแต่งกายด้วยชุดสีดำ คลุมผมคลุมหน้าเห็นแต่ลูกนัยน์ตา (บางครั้งถึงขั้นมีผ้าบางๆ ปิดที่ตาด้วย) ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นเสรีภาพในการแต่งกายตามความเชื่อทางศาสนา

     สำหรับคนไทยต่างศาสนิกส่วนหนึ่งก็จะกังขากับการแต่งกายของมุสลิมะห์ เกิดความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ปิดบังอำพรางใบหน้าและรูปโฉม ง่ายต่อการก่อการร้าย การปลอมตัวได้ แต่กระนั้นแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนในความเป็นมนุษย์ (ที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้) เพราะการแต่งกายไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะวัดว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี มันเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีข้อปฏิบัติอื่นๆ อีกของอิสลามที่เราต้องปฏิบัติ สิ่งสะท้อนให้เห็นได้ชัดคือความเสรีของโลกที่มีเพิ่มขึ้นประชาธิปไตยที่เพิ่มขึ้นในสิทธิเสรีภาพที่เบ่งบาน ยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างฝั่งยุโรป เหล่านี้กับสวนทางกับสิทธิของมุสลิมซะเหลือเกิน ทั้งนี้เราก็ต้องย้อนมาพิจารณาว่ามุสลิมะห์ฝรั่งนั้น เป็นแบบอย่างมุสลิมสมบูรณ์แบบ แต่งกายตามหลักศาสนา แต่ถูกกฎหมายบ้านเมืองที่เขาอาศัยอยู่กีดกัน เสรีทางศาสนา แต่ถูกกฎหมายบ้านเมืองที่เขาอาศัยอยู่กีดกัน แต่สำหรับมุสลิมะห์ไทยเรานี้อยู่ในประเทศที่ไม่กีดกัน เสรีทางศาสนา สามารถแต่งกายได้ทุกรูปแบบแล้วเราจะปลี่อยโอกาศนี้ผ่านเลยไปหรือ? ปล่อยกระแสแฟชั่นเกาหลีมาแทนที่กระนั้นหรือ? วันนี้คลุมฮิญาบแล้วหรือยัง? ทำตัวอยู่ในหนทางแห่งความทรงพอพระทัยขององค์อัลลอฮฺ (ซบ.) แล้วหรือยัง?

KBAC : Krabi Polytechnic And Business Administration Collage.
โรงเรียนกระบี่โปลีเทคนิคและบริหารธุรกิจ
ขอบคุณบทความจากหนังสือพิมพ์รายเดือน "กัมปงไทย"